การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
(School - Based
Management : SBM)
ศิริพร ใจห้าว
5577701005
แนวความคิดหรือทฤษฎีที่ใช้
คำว่า School-Base-Management หรือ SBM เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรษที่
1980 ในภาษาไทยยังไม่มีการบัญญัติ ศัพท์ที่แน่นอน ส่วนมากนิยมทับศัพท์ว่า School-Base-Management
หรือเรียกย่อๆ ว่า SBM
ส่วนคำว่าการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน นั้นเป็นคำที่ เสริมศักดิ์ วิสาลาภรณ์
และคณะ กำหนดขึ้นแทนคำว่า School-Base-Management ในการวิจัยเรื่อง
การกระจายอำนาจจัดการศึกษา พ.ศ.2541 (เสริมศักดิ์ วิสาลาภรณ์และคณะ,2541) มีนักวิชาการหลายท่าน
ได้ให้ความหมายของคำว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
ไว้แตกต่างกันและสรุปได้ว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน หมายถึง
การบริหารจัดการที่โรงเรียนมีอำนาจอิสระในการ ดำเนินการ
โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู
ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่า ของสถานศึกษา
และผู้แทนผู้ทรงคุณวุฒิ ทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุน
หลักการและข้อดี
หลักการสำคัญของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยทั่วไปได้แก่
1. หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) เป็นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาจากกระทรวงและส่วนกลางไปยังสถานศึกษา ให้มากที่สุด โดยมีความเชื่อว่า โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการที่สำคัญในการ
หลักการสำคัญของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยทั่วไปได้แก่
1. หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) เป็นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาจากกระทรวงและส่วนกลางไปยังสถานศึกษา ให้มากที่สุด โดยมีความเชื่อว่า โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการที่สำคัญในการ
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษา จึงควรมีอำนาจมีอิสระในการตัดสินใจดำเนินการ
2. หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaboration or Invovement) เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มี ส่วนร่วมในการบริหาร ตัดสินใจ และการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาทั้งครู ผู้ปกครอง ตัวแทนชุมชน ตัวแทนศิษย์เก่า และตัวแทนนักเรียน
3.หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้แก่ประชาชน (Retern Power to People) การจัดการศึกษาโดยส่วนกลางเริ่มมีข้อจำกัด เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ความเจริญต่างๆ รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เกิดความล่าช้าและไม่ ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง จึงต้องมีการคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและประชาชนได้จัดการศึกษาเองอีกครั้ง
4.หลักการบริหารตนเอง (Self-managing) ในระบบการศึกษาทั่วไป มักจะกำหนดให้โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการตามนโยบายของส่วนกลาง โรงเรียนไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง สำหรับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานนั้น ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและนโยบายของ ส่วนรวม แต่มีความเชื่อว่าวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้นทำได้หลายวิธี
5.หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance) ส่วนกลางมีหน้าที่กำหนดนโยบายและควบคุมมาตรฐาน มีองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจ สอบการศึกษาเพื่อให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นไปตามนโยบายของชาติ
จากหลักการดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน จะเป็นการบริหารที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล มากกว่ารูปแบบการจัดการศึกษาที่ผ่านมา
2. หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaboration or Invovement) เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มี ส่วนร่วมในการบริหาร ตัดสินใจ และการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาทั้งครู ผู้ปกครอง ตัวแทนชุมชน ตัวแทนศิษย์เก่า และตัวแทนนักเรียน
3.หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้แก่ประชาชน (Retern Power to People) การจัดการศึกษาโดยส่วนกลางเริ่มมีข้อจำกัด เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ความเจริญต่างๆ รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เกิดความล่าช้าและไม่ ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง จึงต้องมีการคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและประชาชนได้จัดการศึกษาเองอีกครั้ง
4.หลักการบริหารตนเอง (Self-managing) ในระบบการศึกษาทั่วไป มักจะกำหนดให้โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติการตามนโยบายของส่วนกลาง โรงเรียนไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง สำหรับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานนั้น ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและนโยบายของ ส่วนรวม แต่มีความเชื่อว่าวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมายนั้นทำได้หลายวิธี
5.หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance) ส่วนกลางมีหน้าที่กำหนดนโยบายและควบคุมมาตรฐาน มีองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจ สอบการศึกษาเพื่อให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นไปตามนโยบายของชาติ
จากหลักการดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน จะเป็นการบริหารที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล มากกว่ารูปแบบการจัดการศึกษาที่ผ่านมา
รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
จากการศึกษาพบว่า มีรูปแบบที่สำคัญอย่างน้อย 4 รูปแบบ ได้แก่
1. รูปแบบที่มีผู้บริหารโรงเรียนเป็นหลัก
(Administration Control SBM) ผู้บริหารเป็นประธานคณะกรรมการ
ส่วนกรรมการอื่น ๆ ได้จากการเลือกตั้งหรือคัดเลือกจากกลุ่มผู้ปกครอง ครู และชุมชน
คณะกรรมการมีบทบาทให้คำปรึกษา แต่อำนาจการตัดสินใจยังคงอยู่ที่ผู้บริหารโรงเรียน
2. รูปแบบที่มีครูเป็นหลัก
(Professional Control SBM) เกิดจากแนวคิดที่ว่า
ครูเป็นผู้ใกล้ชิดนักเรียนมากที่สุด
ย่อมรู้ปัญหาได้ดีกว่าและสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ตัวแทนคณะครูจะมีสัดส่วนมาก
ที่สุดในคณะกรรมการโรงเรียน ผู้บริหารยังเป็นประธานคณะกรรมการโรงเรียน
บทบาทของคณะกรรมการโรงเรียนเป็นคณะกรรมการบริหาร
3. รูปแบบที่ชุมชนมีบทบาทหลัก
(Community Control SBM) แนวคิดสำคัญ
คือ การจัดการศึกษาควรตอบสนองความต้องการและค่านิยมของผู้ปกครองและชุมชนมากที่สุด
ตัวแทนของผู้ปกครอง และชุมชนจึงมีสัดส่วนในคณะกรรมการโรงเรียนมากที่สุด
ตัวแทนผู้ปกครองและชุมชนเป็นประธานคณะกรรมการ
โดยมีผู้บริหารโรงเรียนเป็นกรรมการและเลขานุการ บทบาท หน้าที่ของคณะกรรมการ
โรงเรียนเป็นคณะกรรมการบริหาร
4. รูปแบบที่ครูและชุมชนมีบทบาทหลัก
(Professional Community Control SBM) แนวคิดเรื่องนี้เชื่อว่า
ทั้งครูและผู้ปกครองต่างมีความสำคัญในการจัดการศึกษาให้แก่เด็ก เนื่องจากทั้ง 2
กลุ่มต่างอยู่ใกล้ชิดนักเรียนมากที่สุด
รับรู้ปัญหาและความต้องการได้ดีที่สุด สัดส่วนของครูและผู้ปกครอง (ชุมชน)
ในคณะกรรมการโรงเรียนจะมีเท่า ๆ กันแต่มากกว่าตัวแทนกลุ่มอื่น
ๆ ผู้บริหารโรงเรียนเป็นประธาน
บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการโรงเรียนเป็นคณะกรรมการบริหาร
สำหรับประเทศไทย ได้ยึดเอารูปแบบที่ 3 คือ รูปแบบชุมชนมีบทบาทหลัก ซึ่งเป็นผลจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ขั้นตอนการดำเนินงานการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
1.วิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
2. กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย
3. กำหนดกลยุทธ์/ วางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการ
4. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ
5. ประเมินตนเอง/ ประเมินภายใน
6. รายงานประจำปี/รายงานการประเมินตนเอง
1.วิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียน
2. กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย
3. กำหนดกลยุทธ์/ วางแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการ
4. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ
5. ประเมินตนเอง/ ประเมินภายใน
6. รายงานประจำปี/รายงานการประเมินตนเอง
กระบวนการดำเนินงาน
• สร้างความเข้าใจแก่ครูทุกคน และผู้ปกครอง ชุมชนว่าSBM คืออะไร
• ศึกษาจุดเด่น จุดด้อยของ SBM ที่มีการทดลองใช้ที่อื่นแล้วนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
• ผู้บริหารโรงเรียนและครูต้องทำงานหนัก ชักชวน เชิญชวนให้ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
• ผู้บริหารโรงเรียน และครูต้องสื่อสารกับผู้ปกครองและชุมชน ให้เข้าใจว่าจะมีการแบ่งอำนาจหรือร่วมกันใช้อำนาจ ในการตัดสินใจในเรื่องใดและอย่างไร
สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทใหม่ของครู บุคลากรในโรงเรียนชุมชน และทำให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวปฏิบัติตามบทบาทใหม่อย่างมีความสุข
• กระจายอำนาจการตัดสินใจให้คณะกรรมการสถานศึกษาอย่างแท้จริง
• ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและความสำเร็จของ SBM จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเวลา
• การนำ SBM ไปใช้ในโรงเรียน ต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป
• ครูมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในกิจกรรมที่เกี่ยวกับห้องเรียน
• สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในโรงเรียน แบ่งเวลาให้กับการวางแผน และการเรียนการสอนของโรงเรียน
ผลที่เกิดขึ้น
1. เกิดการกระจายอำนาจภายในโรงเรียน
2. ตัวแทนของผู้มีผลประโยชน์ได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
3. เกิดการพัฒนาระบบสารสนเทศและระบบฐานข้อมูล
4. มีการจัดโครงสร้างองค์กรให้เป็น ระบบครบวงจรมีเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน
5. มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
6. บุคลากรในโรงเรียนการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
7. โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
8. มีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร
9. มีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
• สร้างความเข้าใจแก่ครูทุกคน และผู้ปกครอง ชุมชนว่าSBM คืออะไร
• ศึกษาจุดเด่น จุดด้อยของ SBM ที่มีการทดลองใช้ที่อื่นแล้วนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน
• ผู้บริหารโรงเรียนและครูต้องทำงานหนัก ชักชวน เชิญชวนให้ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
• ผู้บริหารโรงเรียน และครูต้องสื่อสารกับผู้ปกครองและชุมชน ให้เข้าใจว่าจะมีการแบ่งอำนาจหรือร่วมกันใช้อำนาจ ในการตัดสินใจในเรื่องใดและอย่างไร
สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทใหม่ของครู บุคลากรในโรงเรียนชุมชน และทำให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวปฏิบัติตามบทบาทใหม่อย่างมีความสุข
• กระจายอำนาจการตัดสินใจให้คณะกรรมการสถานศึกษาอย่างแท้จริง
• ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและความสำเร็จของ SBM จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเวลา
• การนำ SBM ไปใช้ในโรงเรียน ต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป
• ครูมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในกิจกรรมที่เกี่ยวกับห้องเรียน
• สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในโรงเรียน แบ่งเวลาให้กับการวางแผน และการเรียนการสอนของโรงเรียน
ผลที่เกิดขึ้น
1. เกิดการกระจายอำนาจภายในโรงเรียน
2. ตัวแทนของผู้มีผลประโยชน์ได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
3. เกิดการพัฒนาระบบสารสนเทศและระบบฐานข้อมูล
4. มีการจัดโครงสร้างองค์กรให้เป็น ระบบครบวงจรมีเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน
5. มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
6. บุคลากรในโรงเรียนการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
7. โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
8. มีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร
9. มีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
อ้างอิง
การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน สาระสังเขปค้นเมื่อ 1 มีนาคม2556 จาก
การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน สาระสังเขปค้นเมื่อ 1 มีนาคม2556 จาก
หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน สาระสังเขปค้นเมื่อ 1 มีนาคม
2556 จาก http://www. school.obec.go.th/watdonwai/e.../M.../admin2.doc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น